สมาชิกทุกท่านครับ.......... อย่างนี้ต้องคืนไหมและผิดไหม? วันนี้ผมมีเวลาคิดถึงเรื่องเก่าๆๆครับที่เคยพบเจอ มีอยู่กรณีหนึ่งที่ ปักษ์ใต้...ครับ
สายๆๆวันนั้นราวๆๆปี พ.ศ 2535 ผมนั่งอยู่ที่ร้านค้า ของเพื่อน เรานั่งจิบกาแฟกันอยู่ 2 คนที่หน้าร้าน มีเพื่อนของเพื่อนนำพระมาปล่อย(ผมไม่รู้จักนะ) เป็นพระหลวงพ่อทวดรุ่นตอกก้นลายเซนต์ สร้างโรงเรียน ปี 2508 ถ้าจำไม่ผิด ตัวลายเซนต์ 3 แถว ราคา แปดพันบาท ช่วงนั้นผมเพิ่งทำงานใหม่ๆได้สองปีเงินเดือนแค่
6050 บาท และดูไม่เป็นเพิ่งจะเคยส่ององค์นี้ละที่เข้าตาที่สุด ไม่กล้าต่อเพราะว่าเขาบอกว่าราคาลดไม่ได้และต้องใช้เงินนี่กันเองแล้วนะ (มีเงินอยู่สามพัน)
เราส่องกันสองคนนานสองสองนาน เพื่อนผมเลยเช่าไว้เพราะเห็นว่าเป็นพระของเพื่อนและถูกขอร้องให้เช่าเพราะต้องการใช้เงิน แต่พระไม่ได้รับประกันนะครับ
ที่เช่าก็ปรึกษาหารือ กันว่าน่าจะแท้เพราะเป็นพระบ้าน และเช่าในราคา แปดพันบาทเช่าพระเสร็จก็แยกทางกันไปทำงาน
บ่ายแก่ๆๆ ผมออกมาจอบกาแฟส่องพระกับเพื่อนคนเดิมอีก เพราะตอนนั้นกำลังศึกษาพระเครื่องใหม่ๆๆว่างเป็นหาพระมาส่อง และที่นั่นมีคนผ่านทางมาปล่อยพระบ่อยๆๆ หลวงพ่อทวดปั้ม หลังหนังสือ พิมพ์เล็ก 2505 ยังไม่มีเก๊ ดำกริ๊บๆไม่เกิน ห้าร้อยบาท สภาพใช้ไม่เกินสามร้อยห้าสิบบาท และแล้วเพื่อนของเพื่อนที่ผมนั่งจิบกาแฟด้วย เขามาอีกรอบ บอกว่าขอเช่าพระคืน และเงินก็จะคืนให้ ผมก็เลยถามว่า ทำไม เขาบอกต้องการคืนเพราเป็นของพ่อ ........ ..
เพื่อนผมตอบว่า ..แลกพระไปแล้ว........
ผู้โพสต์ : nui วันที่ : 08 - ก.ย. - 50 เวลา 20:12:52 , ip : 125.25.xxx.xxx แจ้งลบทั้งกระทู้
เพื่อนของเพื่อนคนนั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ด่าทอจนเกือบวางมวย ผมจนรับไม่ได้ รับไม่ไหว ราวๆๆ 30 นาที เขาก็เดินจากไป และไม่ได้วางมวย แต่บอกว่าผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ และคำสบถต่างๆๆ เพราะไม่ได้พระคืน
ผมสรุปว่า..
1.หลังจากที่เขาขายพระไปแล้วไปเล่าให้เซียนพระซึ่งเป็นเจ้าของโรงยาง คนอื่นฟัง เลยได้ข้อมูลใหม่ว่าปล่อยพระผิดราคา ช่วงนั้น ราคากลางอยู่ ราวๆๆ สองหมื่นห้า ถึง สี่หมื่นห้าพันบาท (พระแท้) แล้วเขาก็ให้เงินมาซื้อคืนเพื่อจะได้ ซื้อต่อมือ แล้วเพิ่มเงินให้ เจ้าของพระจริงๆเป็นนักเล่นพระขายผิดราคาเพราะไปอยู่ ห้องกง หลายปีเพราะโดนคดี (จริงๆแล้วเขามีพระพิมพ์นี้หลายองค์แต่ขายเพียงองค์เดียว)
โจทย์ ถามว่า คนที่เช่าพระราคาแปดพันบาทนั้นผิดไหมที่ไม่คืนพระและควรคืนพระให้ไหม และ ถ้าเป็นท่านเป็นคนเช่า..... ท่านจะคืนพระให้ไหม ???
ขอคำตอบ.........จากสมาชิกทุกท่าน ......ขอบคุณครับ
ความเห็นที่ 1 โดยคุณ : nui วันที่ : 08 - ก.ย. - 50 เวลา 20:27:19 ,ip :125.25.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
Warning : getimagesize(images/board/7_1189259501.jpg) [function.getimagesize ]: failed to open stream: No such file or directory in /home/amulet2u/domains/amulet2u.com/public_html/includes/functions.php on line 124
เป็นผมก็คงคืนเนื่องจากความเป็นเพื่อนและพระเป็นมรดกของพ่อ อย่าเอาเงินมาทำให้ต้องเสียเพื่อนเลย หรือเพื่อนคนนั้นอาจจะเอาพระไปขายให้อีกคนหนึ่งเพราะเพราะอาจจะทราบราคาที่แท้จิง
ขอความคิดเห็นของท่านต่อไปครับ อิอิ ความเห็นที่ 2 โดยคุณ : jube วันที่ : 08 - ก.ย. - 50 เวลา 20:51:41 ,ip :202.5.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
ครับ ก็คงต้องแยกเป็นสองประเด็น คือประเด็นพิสวาส กับประเด็นกฏหมาย
- ประเด็นพิสวาส ก็คือความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนที่มีต่อกัน กรณีต่างคนต่างไม่รู้ในข้อเท็จจริงของราคากลางในการตกลงซื้อขายกัน และผู้ขายมาขอคืนภายหลังโดยอ้างเหตุของพ่อจริงๆโดยไม่มีการทราบราคากลางจากที่อื่นมา หรือไม่จงใจจะเอาไปขายคนอื่นใหม่ และการขอคืนภายในวันเดียวกับวันที่ขายไปหรืออย่างมากก็ 2-3 วันถัดมาพระก็ยังอยู่กับเพื่อนที่ซื้อ ในฐานะเพื่อนรักกันก็ควรจะคืนให้เพื่อนไป(ซึ่งจริงๆไม่ต้องคืนก็ได้ เพราะการซื้อขายถูกต้องสมบูรณ์แล้ว คือไม่คืนก็ไม่ผิด แต่ผิดต่อเพื่อน) แต่ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ว่าอาแปะที่ไหนให้เงินมาซื้อคืนเพื่อตัวเองจะได้ซื้อต่อ อย่างนี้ก็ควรเปิดใจกว้าง คืนหรือไม่คืนแล้วแต่รักกันแค่ไหน ช่วยเหลืออะไรกันได้อีกไหม ให้เพิ่มไปเคียงๆอีกนิดได้หรือไม่ ความเห็นที่ 3 โดยคุณ : ลูกขนุน วันที่ : 08 - ก.ย. - 50 เวลา 21:45:05 ,ip :125.26.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
- ประเด็นกฏหมาย สัญญาซื้อขายถูกต้อง มีการส่งมอบและจ่ายเงินกันแล้ว มีแต่ผู้ซื้อไม่พอใจในสินค้า แต่นี้กลับเป็นผู้ขายไม่พอใจในราคา ไม่มีกฏหมายข้อไหนบอก กรณีผู้ขาย ขายสินค้าผิดราคาคือขายถูกกว่าราคาเป็นจริงให้เรียกหรือฟ้องเอาสินค้าคืนจากผู้ซื้อได้ มีแต่ผู้ซื้อเท่านั้นที่เรียกเอาจากความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ได้รับ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในด้านราคาสินค้า ฟ้องเรียกร้องเอาจากผู้ขายได้ ข้อกฏหมายไม่คืนไม่ผิดเลย ความเห็นที่ 4 โดยคุณ : ลูกขนุน วันที่ : 08 - ก.ย. - 50 เวลา 21:48:25 ,ip :125.26.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
รบกวนต่อประเด็นจากอาจารย์ลูกขนุนว่า ถ้าคืนของโดยเต็มใจและราคาเต็มเงินต้น เมื่อเพื่อน(บางกรณีอาจเป็นบุคคลอื่น เช่น เด็กไม่บรรลุนิติภาวะหรือบรรลุแล้วแต่บอกว่าเป็นของบรรพบุรุษ ญาติ ฯลฯ) นำพระเครื่องไปคืนจริง แต่บุคคลที่รับคืนกล่าวว่าไม่ใช่พระที่เพื่อนนำไปขายให้หรือบอกว่าปลอมนั่นเอง ให้เรานำของเดิมที่รับจากเพื่อนนั้นมาคืนใหม่ ถ้าเป็นเราจะทำอย่างไร ของก็คืนให้ (สภาพเดิมและองค์เดิม) รบกวนอาจารย์ทุกท่านครับว่า
1.เราคือจำเลยโดยจำยอมหรือเปล่าครับ
2.พระหรือวัตถุที่แลกเปลี่ยนกันนั้น การตีความหมายของเราคือคุณค่า(พระเครื่อง) แต่ความหมายของบุคคลที่สองและสามบอกว่าคือราคา จะอย่างไรดีครับ
3.ถ้าเหตุต้องช่วงชิงกันเมื่อเราไม่ให้คืนแจ้งเหตุว่าแลกเปลี่ยนไปแล้วหรือสูญหายไปต่างๆนานา และทำร้ายร่างกายกัน ถามว่าทรัพย์นั้น(ถ้าเรียกว่าทรัพย์)คือพระเครื่อง ใครจะถูกเรียกว่าเจ้าของทรัพย์ ใครจะถูกเรียกว่าปกป้องทรัพย์ ใครจะถูกเรียกว่าจำเลยครับ ความเห็นที่ 5 โดยคุณ : tongra วันที่ : 08 - ก.ย. - 50 เวลา 22:26:25 ,ip :203.113.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
ท่านพี่ลูกขนุนและท่านพี่tongra ละเอียดดีจัง อิอิ ความเห็นที่ 6 โดยคุณ : jube วันที่ : 08 - ก.ย. - 50 เวลา 22:47:27 ,ip :202.5.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
ลูกผู้ชาย คำไหนก็น่าจะคำนั้นนะ
ขายพระไม่ได้เล่นขายของ
คนจะซื้อก็ต้องตัดสินใจ คนจะขาย ก็ต้องตัดสินใจเช่นกัน ..
ความเห็นส่วนตัวนะ ความเห็นที่ 7 โดยคุณ : jazzmin วันที่ : 09 - ก.ย. - 50 เวลา 12:44:36 ,ip :124.121.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
ก็คงต้องดูเจตนา...ครับ...(สำหรับเพื่อน)...
ธุรกิจก็คือธุรกิจ...ในโลกแห่งความเป็นจริง(มันยากกว่าเยอะ)ความเป็นไปได้..การได้มาซึ่งความพอใจ..
การตกลงกัน..ทำสัญญากัน..อ่านแล้ว..งงๆ..นะครับ ความเห็นที่ 8 โดยคุณ : กำแพงแสน วันที่ : 09 - ก.ย. - 50 เวลา 16:08:28 ,ip :125.26.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
ถ้าเป็นผม อันดับแรกจะพยายามติดต่อคนที่แลกไป หามาคืนเขาก่อน
และถ้าไม่ได้ก็บอกไปตามตรง ถ้ามันยังไม่ยอมก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
เพราะเราได้พยายามแล้วจริงๆ ความเห็นที่ 9 โดยคุณ : yoon วันที่ : 10 - ก.ย. - 50 เวลา 12:28:48 ,ip :203.144.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
1. ผมว่าเรื่องนี้คนซื้อไม่ผิด.......แต่ผิดใจเพื่อนรักกันเอง
(แต่ถ้าคนขายนำกลับไปเก็บไว้ก็สมควรที่จะคืน...แต่ถ้าเอาไปขายต่อเป็นผมก็ไม่ให้คืนครับ ...ถ้าเป็นของรักจากพ่อจริง เท่าไหร่ก็ไม่ขาย เพราะเจตนาไม่ดีครับ) แท้ไม่แท้ไม่สำคัญ เพราะมันมีค่าทางใจครับ.....
2. คนขายผิด....เพราะต้องการไปขายที่อื่นในราคาสูงกว่าที่เดิม
ความเห็นที่ 10 โดยคุณ : ขุนเเผน วันที่ : 10 - ก.ย. - 50 เวลา 13:08:22 ,ip :124.120.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น
ตอบคุณ tongra
1. ไม่เป็นจำเลยครับ อันนี้ต้องดูข้อเท็จจริง พระที่เราซื้อก็คือที่เราซื้อจะไปบอกองค์อื่น อ้างว่าไม่ใช่องค์ที่เราซื้อมาไม่ได้ ก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริง ถ้ามีพยานรู้เห็นด้วยว่าเป็นพระองค์เดียวกันก็จะช่วยให้เรามีหลักฐานอ้างได้(และไอ้เพื่อนเราเองนั้นแหละจะเป็นพยานให้เราได้) แต่ถ้าเพื่อนเสือกสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าของพระว่าไม่ใช่องค์ที่เราคืนไป ก็ต้องนำสืบต่อไปว่าเราเอาไปจริงหรือไม่ไปขายใครต่อหรือเปล่า อาศัยข้อเท็จจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ติดคุก
2. ถ้าแต่ก่อนก็คุณค่ามีการแลกเปลี่ยนกันโดยไม่ใช้เงินเป็นสื่อกลาง ถ้าปัจจุบันต้องตีเป็นราคาไว้ก่อนเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ถือครองหรือการซื้อขาย (คุณค่าให้อยู่ในใจ แบบอย่าคิดมาก)
3. ถ้าเหตุช่วงชิงเอาคืน อยู่ๆจะมาบุกกระชากออกจากคอไม่ได้ หรือบุกไปบ้านค้นหาเอาคืนพระที่ขายหรือแลกเปลี่ยนไปแล้วไม่ได้ เพราะมีกฏหมายคุ้มครอง ไม่ว่าจะ ปพพ.การซื้อขาย ปพพ.การแลกเปลี่ยน และ ปอ.การบุกรุก ปอ.ละเมิดต่อร่างกายและทรัพย์สิน เจ้าของทรัพย์ก็คือผู้ที่ครอบครองพระเครื่องนั้นอยู่ พระอยู่กับใครผู้นั้นคือผู้ครอบครอง จะเป็นเจ้าของด้วยหรือไม่ดูว่าได้มีการซื้อขาย หรือแลกกันถูกต้องตามหลักกฏหมายหรือยัง ถ้าถูกต้อง เจ้าของเดิมที่จะเอาคืน มีความผิดฐานละเมิด หรือไม่ก็อาจถึงชิงทรัพย์ได้เลย ความเห็นที่ 11 โดยคุณ : ลูกขนุน วันที่ : 10 - ก.ย. - 50 เวลา 21:01:11 ,ip :125.26.xxx.xxx แจ้งลบความเห็น